เคล็ดลับชีวิตคิดบวก เติมพลังงานที่ดีให้กับชีวิต
การ คิดบวก (Positive Thinking) คือ ทัศนคติในการมองโลกในแง่ดี เชื่อว่าทุกอย่างจะมีทางออกที่ดีเสมอ มองหาข้อดีจากทุกสถานการณ์ ถึงแม้จะเป็นสถานการณ์ที่ยากลำบากก็ตาม การคิดบวกมีประโยชน์มากมายต่อทั้งสุขภาพกายและใจ ทำให้รู้สึกมีความสุข ลดความเครียด เพิ่มพลังในการเผชิญปัญหา และประสบความสำเร็จในชีวิต อย่างไรก็ตาม ชีวิตคิดบวก ไม่ใช่การปฏิเสธความเป็นจริงหรือมองข้ามปัญหา แต่เป็นการมองหาแง่ดีจากสถานการณ์นั้น ๆ และหาวิธีแก้ไขอย่างสร้างสรรค์ การคิดบวกจึงไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ แต่ต้องอาศัยการฝึกฝน ต่อไปนี้เป็น เคล็ดลับ บทความให้กําลังใจ คิดบวก ฝึกคิดบวกง่าย ๆ ที่สามารถทำได้ทุกวัน
ยิ้มและหัวเราะให้ตัวเองทุกวัน
ชีวิตคิดบวก ยิ้มได้ทุกวัน การยิ้มและหัวเราะเป็นวิธีง่าย ๆ ในการผ่อนคลายความเครียดและเพิ่มพลังงานให้ร่างกาย ยิ้มให้ตัวเองทุกวัน อย่างน้อย 15 วินาที จะช่วยให้รู้สึกดีและอารมณ์ดีขึ้นในช่วงเวลาที่ยากลำบาก หลายคนอาจรู้สึกหมดหวัง อ่อนล้า ท้อแท้กับชีวิต ไม่รู้ว่าจะก้าวต่อไปอย่างไร ในช่วงเวลาเช่นนี้ การคิดบวก รอยยิ้มอาจเป็นสิ่งที่ช่วยเยียวยาจิตใจของเราได้ เมื่อเรายิ้ม ร่างกายจะส่งสัญญาณกระตุ้นให้สมองหลั่งสารโดพามีน (Dopamine) ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ทำให้มีความสุข และสารเซโรโทนิน (Serotonin) ที่ส่งผลต่ออารมณ์ช่วยปรับความรู้สึก ทำให้เราสงบ ผ่อนคลาย และช่วยฟื้นฟูสภาพจิตใจได้
ดังนั้น ข้อคิด ดีๆ ชีวิต คิดบวก การยิ้มจึงเป็นวิธีง่ายๆ ในการเติมพลังบวกให้กับตัวเอง ช่วยให้รู้สึกดีขึ้นทั้งทางร่างกายและจิตใจ ต่อไปนี้เป็นเคล็ดลับในการยิ้มเพื่อเยียวยาจิตใจ
- ยิ้มผ่านกระจก เริ่มต้นด้วยการยิ้มให้กับตัวเองในกระจก วิธี คิด บวก เรื่อง ความ รัก การฝึกฝนยิ้มเป็นประจำจะช่วยให้คุณรู้สึกดีขึ้น
- ยิ้มเมื่อได้ระบายหรือพูดคุยกับคนที่เราไว้ใจ การพูดคุยกับคนที่เราไว้ใจ จะช่วยให้เรารู้สึกสบายใจขึ้น และอาจทำให้เรายิ้มได้โดยไม่รู้ตัว
- นึกถึงเรื่องสนุกๆ ที่เคยทำ การนึกถึงเรื่องสนุกๆ ที่เคยทำ จะช่วยให้เรายิ้มและหัวเราะได้ ซึ่งจะช่วยผ่อนคลายความเครียด
หมั่นฝึกให้ตัวเองใจเย็น
คิดบวก คือ ใจเย็นเป็นสุข สำนวนไทยที่สะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญของการมีสติและควบคุมอารมณ์ของตนเอง อารมณ์เป็นสิ่งที่ควบคุมได้ยาก แต่เมื่อเราเข้าใจและฝึกฝน เราก็จะสามารถควบคุมอารมณ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ การเป็นคนใจเย็นมีประโยชน์มากมาย ช่วยให้เราสามารถเผชิญกับปัญหาและอุปสรรคต่างๆ ได้อย่างมีสติ หลีกเลี่ยงการเผลอพูดหรือกระทำอะไรที่อาจทำให้เสียใจภายหลัง พลังบวกเปลี่ยนชีวิต ช่วยให้ความสัมพันธ์กับคนรอบข้างราบรื่นขึ้น และช่วยให้สุขภาพกายและใจของเราแข็งแรง มีวิธีฝึกให้เราใจเย็น คิดบวก ชีวิตเปลี่ยน ได้หลายวิธี เช่น
- ฝึกหายใจลึกๆ เมื่อรู้สึกโกรธหรือโมโห ให้พยายามหายใจเข้าลึกๆ ช้าๆ ช้าๆ จะช่วยให้ร่างกายได้รับออกซิเจนมากขึ้นและช่วยให้อารมณ์สงบลง
- นับ 1-10 เมื่อรู้สึกโกรธหรือโมโห ให้ลองนับ 1-10 ช้าๆ จะช่วยให้เราหยุดคิดและไตร่ตรองถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างมีสติ
- หยุดการกระทำทุกอย่าง เมื่อรู้สึกโกรธหรือโมโห ให้พยายามหยุดการกระทำทุกอย่าง เช่น หยุดพูด หยุดเดิน หยุดทำงาน จะช่วยให้เราสงบสติอารมณ์ได้
- หามุมสงบๆ เมื่อรู้สึกโกรธหรือโมโห ให้หามุมสงบๆ เช่น ไปนั่งในสวน ไปฟังเพลง ไปเดินเล่น จะช่วยให้เราผ่อนคลายอารมณ์
- ฝึกสมาธิ การฝึกสมาธิจะช่วยให้เราฝึกสติและควบคุมอารมณ์ของตนเองได้ดีขึ้น
มองโลกในแง่ดีเสมอ
การมองโลกในแง่ดี ปล่อยวาง คิดบวก เป็นทักษะที่สำคัญอย่างหนึ่ง ช่วยให้เราสามารถเผชิญกับปัญหาและอุปสรรคต่างๆ ในชีวิตได้อย่างมีสติและมองหาทางออกได้ วิธีคิดบวก การมองโลกในแง่ดีไม่ได้หมายความว่าเราจะมองข้ามความทุกข์หรือปัญหาในชีวิต แต่เป็นการมองหาแง่ดีจากทุกสถานการณ์และเรียนรู้จากประสบการณ์เหล่านั้น การมองโลกในแง่ดีไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ก็ไม่ได้ยากเกินไป หากเราฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอ ในที่สุดเราก็จะสามารถมองโลกในแง่ดีได้มากขึ้นและมีความสุขกับชีวิตมากขึ้น ดังนั้น การมองโลกในแง่ดีจึงเป็นสิ่งที่มีประโยชน์ต่อทั้งสุขภาพกายและใจ การมองโลกในแง่ดีให้กับตัวเองและคนอื่น จะช่วยให้โลกใบนี้น่าอยู่ขึ้น ประโยชน์ของ ข้อคิด พลังบวก การมองโลกในแง่ดีเพิ่มเติมดังนี้
- การมองโลกในแง่ดีช่วยให้เรามีสุขภาพแข็งแรงขึ้น การศึกษาพบว่าผู้ที่มองโลกในแง่ดีมีแนวโน้มที่จะมีอายุยืนยาวกว่าผู้ที่มองโลกในแง่ลบ
- การมองโลกในแง่ดีช่วยให้เราประสบความสำเร็จในชีวิต การศึกษาพบว่าผู้ที่มองโลกในแง่ดีมีแนวโน้มที่จะประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานและชีวิตส่วนตัวมากกว่าผู้ที่มองโลกในแง่ลบ
เรียนรู้ที่จะให้อภัย
การให้อภัย คือ พลังงานบวก กระบวนการที่บุคคลปล่อยวางความรู้สึกโกรธ เกลียดชัง หรือคับข้องใจที่มีต่อผู้อื่นที่กระทำความผิดต่อตน การให้อภัย มองบวก เป็นทักษะที่สำคัญที่ช่วยให้บุคคลสามารถดำเนินชีวิตได้อย่างมีความสุขและประสบความสำเร็จ การให้อภัยไม่ได้หมายความว่าเราต้องลืมสิ่งที่อีกฝ่ายทำผิดไป แต่เป็นการยอมรับความจริงที่เกิดขึ้นและปล่อยวางความรู้สึกเชิงลบที่มีต่ออีกฝ่าย วิธีคิดบวก เมื่อชีวิตต้องเผชิญกับปัญหา การให้อภัยช่วยให้เราหลุดพ้นจากพันธนาการแห่งความโกรธและความรู้สึกเชิงลบต่างๆ ซึ่งอาจนำไปสู่ปัญหาสุขภาพกายและสุขภาพจิตได้ การให้อภัยอาจเป็นเรื่องยากในบางครั้ง โดยเฉพาะหากอีกฝ่ายทำผิดร้ายแรงหรือทำให้เราเจ็บปวดมาก แต่สิ่งสำคัญคือเราต้องพยายามที่จะให้อภัย เพราะการให้อภัยจะส่งผลดีต่อตัวเราเองมากกว่า แนวทางในการเรียนรู้การให้อภัย
- ลักษณะ คนคิดบวก ยอมรับความรู้สึกของตัวเอง อย่าพยายามกดทับหรือปฏิเสธความรู้สึกเหล่านี้
- ปล่อยวางความรู้สึกเชิงลบ ฝึกฝนการปล่อยวางได้โดยการทำสมาธิหรือนั่งสมาธิ
- สื่อสารกับอีกฝ่าย การพูดคุยกับอีกฝ่ายอย่างตรงไปตรงมาจะช่วยให้อีกฝ่ายเข้าใจความรู้สึกของเราและอาจนำไปสู่การแก้ไขความเข้าใจผิดหรือปัญหาต่างๆ
- ให้อภัยตัวเอง บางครั้งเราอาจเป็นคนที่กระทำความผิดต่อผู้อื่นเช่นกัน หากเรารู้สึกผิดหรือรู้สึกเสียใจกับสิ่งที่เราทำ เราควรให้อภัยตัวเอง การให้อภัยตัวเองจะช่วยให้เราก้าวข้ามความผิดพลาดและเดินหน้าต่อไปได้
เลิกเปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่น
ข้อคิด บวก ในการ ทํา งาน การเปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่น เป็นพฤติกรรมที่พบเห็นได้ทั่วไปในมนุษย์ อาจเป็นเพราะมนุษย์เป็นสัตว์สังคมที่ต้องอยู่ร่วมกัน จึงมักมองหาจุดร่วมหรือจุดต่างกับผู้อื่นอยู่เสมอ อย่างไรก็ตาม การเปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่นมากเกินไปอาจนำไปสู่ความรู้สึกแย่กับตัวเองได้ เมื่อเราเปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่น เรามักจะโฟกัสไปที่จุดแข็งหรือความสำเร็จของอีกฝ่าย โดยไม่คำนึงถึงจุดอ่อนหรือความล้มเหลวของอีกฝ่าย ซึ่งอาจทำให้เรารู้สึกด้อยกว่าหรือต่ำต้อย ในทางกลับกัน หากเราเปรียบเทียบตัวเองกับคนที่ด้อยกว่า เราอาจรู้สึกหยิ่งยโสหรือดูถูกผู้อื่น ทั้งสองกรณีนี้ล้วนส่งผลเสียต่อความรู้สึกและทัศนคติของเรา การเลิกเปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่นไม่ใช่เรื่องง่าย คน คิด บวก สามารถฝึกฝนได้โดยเริ่มจากการทำความเข้าใจสาเหตุที่เราชอบเปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่น สาเหตุที่พบได้บ่อย ได้แก่
- ความไม่มั่นใจในตัวเอง เมื่อเรารู้สึกไม่มั่นใจในตัวเอง เราอาจพยายามมองหาจุดแข็งหรือความสำเร็จของผู้อื่นเพื่อเปรียบเทียบกับตัวเอง
- ความต้องการที่จะเป็นที่ยอมรับ เราอาจเปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่นเพื่อดูว่าเราอยู่ในระดับเดียวกับผู้อื่นหรือไม่
- ความกดดันจากสังคม สังคมในปัจจุบันมักเน้นย้ำถึงความสำคัญของความสำเร็จและความสมบูรณ์แบบ ซึ่งอาจทำให้เรารู้สึกกดดันและต้องการเปรียบเทียบตัวเองกับผู้อื่น
ไม่ด่วนสรุป
การด่วนสรุป คือการตัดสินหรือสรุปความคิดเห็นเกี่ยวกับสิ่งใดสิ่งหนึ่งโดยปราศจากข้อมูลหรือหลักฐานที่เพียงพอ การด่วนสรุปอาจเกิดขึ้นได้หลายรูปแบบ เช่น การตัดสินผู้อื่นจากรูปลักษณ์ภายนอก การตัดสินเหตุการณ์จากข้อมูลเพียงด้านเดียว การด่วนสรุปโดยไม่ฟังเหตุผลของอีกฝ่าย การด่วนสรุปมักนำไปสู่ความเข้าใจผิดและความขัดแย้งได้ ตัวอย่างเช่น หากเราเห็นคนคนหนึ่งเดินหน้าตาบูดบึ้ง เราอาจด่วนสรุปว่าเขาเป็นคนอารมณ์เสียหรือโมโห แต่หากเราลองเข้าไปพูดคุยกับเขา เราก็อาจพบว่าเขากำลังมีปัญหาบางอย่างอยู่ การด่วนสรุปอาจทำให้เราตัดสินเขาผิดและอาจทำให้เขารู้สึกไม่ดีได้ ดังนั้น เราจึงควรฝึกฝนทักษะการไม่ด่วนสรุป โดยพยายามทำความเข้าใจสิ่งต่าง ๆ อย่างรอบด้าน ก่อนที่จะตัดสินหรือสรุปความคิดเห็น ต่อไปนี้เป็นแนวทาง บทความ พลังบวก ในการไม่ด่วนสรุป
- รวบรวมข้อมูลให้ครบถ้วน ก่อนที่จะตัดสินหรือสรุปความคิดเห็นเกี่ยวกับสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ให้เราพยายามรวบรวมข้อมูลให้ครบถ้วน ข้อมูลจากแหล่งที่หลากหลาย จะช่วยให้เราเข้าใจสิ่งต่าง ๆ อย่างรอบด้านมากขึ้น
- เปิดใจรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น ก่อนที่เราจะด่วนสรุปความคิดของตัวเอง ให้เราเปิดใจรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่นด้วย การฟังความคิดเห็นของผู้อื่นจะช่วยให้เราเข้าใจสิ่งต่าง ๆ ได้ดียิ่งขึ้น
- ใช้เหตุผลในการคิดพิจารณา แทนที่จะตัดสินสิ่งต่าง ๆ จากความรู้สึกหรืออารมณ์ ให้ใช้เหตุผลในการคิดพิจารณา จะช่วยให้เราคิดอย่างมีสติและรอบคอบมากขึ้น
Follow: https://allbesttrick.com/
Facebook Page: Allbesttrick
อ่านบทความเพิ่มเติม: เคล็ดลับบอกลาออฟฟิศซินโดรม